ย้อนกลับไปสมัยที่ผู้เขียนยังเด็ก ละครทีวียุคนั้นจะมีช่วงสมัยหนึ่งที่พล็อตเรื่องจะเน้นหนักในส่วนของพระเอก จับนางเอกมาขัง แล้วทรมานเป็นทาสรับใช้ สุดท้ายก็ลงเอยด้วยการรักกันอะไรทำนองนี้ ซึ่งเรื่องสไตล์นี้ที่นึกออกได้คือ จำเลยรัก ละครตบจูบในสมัยที่ อาพิศาล อัครเสรณี เป็นพระเอกของเรื่อง
พอมาถึงยุคที่หนัง Netflix กลายเป็นที่นิยม หนังที่มีพล็อตเรื่องสไตล์แบบจำเลยรัก ก็เริ่มมีให้เห็น และที่สำคัญเรื่องที่จะรีวิวนี้ ก็ดันเป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงกันมากในหมู่คนดูผู้หญิงแบบปากต่อปาก อยากรู้ว่ามันดียังไง ก็เลยลองไปดู และนี่คือรีวิวของหนังเรื่องนี้ 365 DNI
เรื่องย่อ
เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อมาเฟียสุดเข้มนาม มัสซิโม ได้ปิ๊งรักกับสาว เลาร่า นักธุรกิจสาวพราวเสน่ห์ 1 ปีต่อมา มัสซิโม ตามหาตัวของเลาร่าจนพบและลักพาตัวเธอไปยังคฤหาสน์ของตน พร้อมกับยื่นข้อเสนอว่า “ให้โอกาสเธอตกหลุมรักเขาภายในระยะเวลา 365 วัน โดยที่เขานั้นจะไม่ยอมแตะต้องตัวเธอเลย แต่มีข้อแม้ว่าห้ามให้เธอยั่วเขาเด็ดขาด” เรื่องราวของเขาและเธอจึงได้เริ่มต้นขึ้น พร้อมกับข้อสงสัยว่า นี่คือความรัก หรือการกักขังหน่วงเหนี่ยวกันแน่?
ฉากเลิฟซีนสุดร้อนแรงระดับพริก 100 เม็ด
หนังเรื่องนี้สร้างขึ้นมาจากนิยายรักอีโรติกสัญชาติโปแลนด์ ซึ่งมีทั้งหมด 3 เล่ม ภายในตัวหนังจะเน้นหนักไปในฉากเลิฟซีนของตัวพระนางเสียเป็นส่วนใหญ่ จัดหนักจัดเต็มไม่มีกั๊กใดๆ รวมไปถึงยังได้เห็นบรรยากาศฉากต่างๆ ของหนังที่หาโลเคชั่นได้สวยงามมากๆ ส่วนในด้านของเรื่องราวเหมือนจะให้เราได้เข้าใจเพียงแค่ พระเอกและนางเอกนั้นเป็นใคร และมีที่มาที่ไปอย่างไรเพียงแค่นั้น หลังจากนี้ ก็เป็นฉากเลิฟซีนล้วนๆ
นักแสดงชายหญิงหน้าใหม่ ไม่คุ้นหน้าคุ้นตา
มันเป็นหนังสัญชาติโปแลนด์เรื่องของนักแสดงต้องบอกเลยว่า ผู้ชมอย่างเราแทบจะไม่รู้จักใครเลยสักคนโดยเฉพาะตัวละครเอกชายและหญิงอย่าง Michele Morrone นักแสดงชาวอิตาเลี่ยน ที่กลายเป็นจุดสนใจของเหล่าสาว ๆ ทั้งโลก จากการแสดงครั้งนี้ และ Anna Maria Sieklucka นักแสดงสาวชาวโปแลนด์ที่หน้าใหม่มาก ๆ ซึ่งโดยรวมการแสดงถือว่าทำออกมาได้ค่อนข้างโอเคระดับหนึ่ง
บทหนังไม่เน้น เน้นเลิฟซีน
อันที่จริง ถ้าเราไม่นับฉากเลิฟซีนระดับ 20+ มันสมควรที่จะใส่เนื้อหาดราม่าเข้มข้น หรือเรื่องราวต่าง ๆ ของตัวละครทั้งสองคนนี้ได้อีกเยอะเลยทีเดียว จากความเห็นส่วนตัวหลังจากที่ได้ดูมาแล้ว ตัวหนังมันยังขาดมิติในการเล่าเรื่อง และความไม่สมเหตุสมผลของตัวละครเป็นอย่างมาก ทำให้ตัดเรื่องฉากโจ๊ะกันของพระนาง หนังเรื่องนี้ดูจืดสนิทและไม่มีจุดที่ให้ดูต่อเลย
สรุป
มันอาจจะคุ้มค่าสำหรับผู้ชมที่ชอบความล่ำและการแสดงอันดุดันของนักแสดงชาย รวมไปถึงฉากเลิฟซีนที่ดุเดือด แต่สำหรับผู้เขียนแล้ว โดยส่วนตัวมันยังมีอีกหลายอย่างที่สามารถเพิ่มหรือปรับแต่งให้มันน่าสนใจได้กว่านี้ อย่างไรก็ตาม หากใครที่อยากได้หนังที่เป็นพล็อตเรื่องแบบจำเลยรัก หรือฉากเลิฟซีนเข้มข้น เรื่องนี้ถือว่าถึงอกถึงใจคุณแน่นอน สามารถไปชมกันได้แล้ววันนี้บน Netflix